ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คืออะไร?

Last updated: 24 พ.ค. 2567  |  57 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คืออะไร?

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คือ ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย ที่ประกอบไปด้วย สายไฟทั้งหมด 4 เส้น ได้แก่ สายไลน์ เป็นสายไฟหลักที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา จำนวน 3 เส้น และสายนิวทรอล (Neutral Line) เป็นสายไฟที่เดินไว้เฉยๆ และไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน จำนวน 1 เส้น โดยระบบไฟฟ้า 3 เฟสจะมีแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์กับสายไลน์อยู่ที่ 380-400 โวลต์ และแรงดันไฟฟ้าระหว่างสายไลน์กับสายนิวทรอลอยู่ที่ 230-250 โวลต์ และมีความถี่อยู่ที่ 50 เฮิรตซ์ (Hz)
ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สายจะนิยมใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรขนาดใหญ่ มีระบบการทำความเย็น หรือโรงงานที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าแรงดันสูง และต้องใช้แสงสว่างเป็นจำนวนมาก รวมถึงอาคารพาณิชย์ ออฟฟิศ แต่ในขณะเดียวกัน ไฟฟ้าระบบ 3 เฟส ก็สามารถใช้งานภายในบ้านได้ เพียงแค่ต้องไม่ใช้ไฟฟ้า 3 เฟส กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านโดยตรง แต่ต้องมีการแบ่งระบบ ไฟ 3 เฟส ออกเป็น ไฟ 1 เฟส จำนวน 3 ชุด เพื่อกระจายไฟฟ้าไปตามจุดต่างๆ ภายในบ้านได้อย่างสมดุล และเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าไฟให้ลดลงได้อีกด้วย

การทำงานของระบบไฟฟ้า 3 เฟส


การทำงานของระบบไฟฟ้า 3 เฟส เกิดจากการหมุนของสนามแม่เหล็กเป็นวงกลมผ่านกระแสวงจรไฟฟ้า 3 วงจร และผลิตกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบไฟฟ้า กล่าวคือภายในเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะมีวงจรไฟฟ้าที่พันด้วยขดลวดทองแดงทั้งหมด 3 วงจร โดยระยะห่างของวงจรทั้ง 3 เส้น อยู่ที่ 120 องศา และในรอบวงกลมของวงจรไฟฟ้าแต่ละเส้นจะมีระยะห่างที่เท่ากัน และมีสนามแม่เหล็กอยู่ตรงกลาง ส่วนทิศทางการหมุนของสนามแม่เหล็ก จะหมุนวนตามเข็มนาฬิกา เมื่อขั้วเหนือของแม่เหล็กหมุนเข้าไปใกล้เส้นใดเส้นหนึ่งจากทั้ง 3 เส้น ก็จะเกิดการผลิตไฟฟ้ากระแสสลับขึ้นมาทันที และทำการจ่ายกระแสไฟฟ้า 3 เฟส ออกไปตามลำดับ

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เหมาะกับการใช้งานไฟฟ้าแบบไหน


ระบบไฟ 3 เฟส เป็นระบบไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้เครื่องจักรในการผลิตอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ระบบคลังสินค้าที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ บ้านขนาดใหญ่ ออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงานอื่นๆ ที่ต้องใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง หรือสถานที่ที่ต้องใช้แสงสว่างเป็นจำนวนมาก โดยพื้นที่ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นพื้นที่ที่ต้องใช้กำลังไฟในปริมาณมาณมาก ทำให้ไฟฟ้า แบบ 3 เฟส เหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า เพราะไฟฟ้า 3 เฟสประกอบไปด้วยสายไฟ 4 เส้น ทั้งสายเฟสหรือสายไลน์ L (Line) จำนวน 3 เส้น เเละสายนิวทรอล N (Neutral) จำนวน 1 เส้น ที่ให้แรงดันไฟฟ้า 220-230 โวลต์ และ 380-400 โวลต์ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการแรงดันไฟฟ้าสูง โดยเมื่อนำสายไฟทั้งหมดมาต่อเข้ากับตู้เมนไฟฟ้า ระบบไฟฟ้า 3 เฟส ก็จะให้แรงดันไฟฟ้าที่มากเพียงพอต่อการใช้งาน

  1. 1. ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า

  2. ระบบไฟฟ้า 3 เฟส สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าระบบไฟฟ้า 1 เฟส ถึง 3 เท่า จึงเหมาะกับการติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บริเวณที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าหลายๆ จุดเป็นจำนวนมาก เพราะในการติดตั้งระบบไฟฟ้า 3 เฟสมีการกระจายไฟฟ้าอย่างละ 1 เฟส ไปแต่ละจุดที่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นวิธีการกระจายเฟสไฟฟ้า ป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าถูกใช้งานมากเกินไป ส่งผลให้การใช้งานแต่ละเฟสน้อยลง การใช้งานไฟฟ้ามีค่าความเฉลี่ยที่สมดุล จึงช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่าการใช้งานระบบไฟฟ้า 1 เฟส

2. ช่วยให้ใช้ไฟฟ้าน้อยลง

การใช้ไฟฟ้าระบบ 1 เฟสในโรงงานอุตสาหกรรมอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้การทำงานล่าช้า และอาจมีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้ไฟฟ้าระบบ 3 เฟส ที่เป็นการกระจายระบบไฟฟ้าออกเป็น 3 เฟส ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง แต่เครื่องจักรที่ใช้ในการทำงาน หรือการผลิตยังสามารถทำงานได้ดี และมีความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น

3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร


ภายในโรงงานอุตสาหกรรม มักมีเครื่องจักรขนาดใหญ่ไว้คอยผลิต มีระบบทำความเย็น หรือระบบแสงสว่างที่ต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เท่ากับว่าต้องมีการใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล และต้องมีกำลังไฟที่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งหากติดตั้งระบบไฟฟ้า 3 เฟส ก็จะช่วยในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีความสมดุลมากขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของของเครื่องจักรต่างๆ ให้ทำงานได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุด

4. ช่วยป้องกันปัญหาไฟตก ไฟดับ


การเกิดปัญหาไฟตก ไฟดับ หรือการจ่ายพลังงานไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ มักเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าแบบ 1 เฟสมากกว่า ระบบไฟ 3 เฟส เนื่องจากไฟฟ้า 1 เฟส มีแรงดันไฟฟ้าน้อย และมีสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าอยู่เพียง 1 เส้น ต่างจากระบบไฟ 3 เฟส ที่มีสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าถึง 3 เส้น มีแรงดันไฟฟ้าที่สูง ช่วยให้จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่อุปกรณ์ได้อย่างสม่ำเสมอมากกว่า และหากใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าควบคู่กับระบบไฟฟ้า 3 เฟส ก็ยิ่งส่งผลดีต่อระบบไฟฟ้าเป็นอย่างมาก เพราะหากเกิดปัญหาไฟฟ้าดับ ไฟฟ้าตก หรือแม้แต่การนำไปใช้ในพื้นที่ต่างจังหวัด หรือบริเวณที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง เครื่องกำเนิดไฟ หรือเครื่องปั่นไฟ ก็จะทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าให้มีไฟฟ้าใช้ได้ตามปกติ

5. ช่วยให้มีไฟฟ้าใช้มากขึ้น


การติดตั้งไฟฟ้าระบบ 3 เฟส ภายในโรงงาน หรืออุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ ระบบไฟ 3 เฟสสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น เพราะมีสายไฟที่มีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ตลอดเวลาด้วยกันถึง 3 เส้น โดยมีแรงดันไฟฟ้าตั้งแต่ 220 - 400 โวลต์ ไฟฟ้าแบบ 3 เฟสจึงมีกระแสไฟฟ้าที่กระจายไปตามที่ต่างๆ อย่างสมดุล ทำให้สามารถใช้งานกระแสไฟฟ้าได้ครอบคลุมมากขึ้น

สรุป


ระบบไฟฟ้า 3 เฟส คือ ระบบไฟฟ้าที่มี 3 เฟส และ 4 สาย ประกอบด้วย สายไลน์ L (Line) ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลตลอดเวลาทั้งหมด 3 เส้น และสายนิวทรอล (Neutral line) ที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจำนวน 1 เส้น ซึ่งไฟฟ้าระบบ 3 เฟส  ในขณะที่ไฟฟ้าระบบ 1 เฟส ประกอบไปด้วยสายทั้งหมด 2 เส้น คือ สายไลน์ L (Line) จำนวน 1 เส้น และสายนิวทรอล N (Neutral) จำนวน 1 เส้น และมีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 220-230 โวลต์ จึงเหมาะกับการใช้งานสำหรับที่พักอาศัยทั่วไป แต่ระบบไฟฟ้า 3 เฟส มีแรงดันไฟฟ้าอยู่ที่ 230-250 โวลต์ และ 380-400 โวลต์ จึงเหมาะกับการใช้งานภายในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องจักรขนาดใหญ่ ระบบคลังสินค้าที่ต้องทำความเย็น รวมถึงบริเวณที่มีการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก



Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้