เครื่องปั่นไฟจำเป็นกับการสำรองไฟอย่างไร ข้อดีและข้อเสียของเครื่องปั่นไฟแต่ละชนิด

ไฟดับ ไฟตก คือปัญหาที่เกิดขึ้นได้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว และอาจจะเพิ่มความถี่มากขึ้นในช่วงที่เกิดฝนฟ้าคะนอง เพราะช่วงที่ฝนตกมีความชื้นในอากาศสูง ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมไปถึงความเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งยังไม่รวมไปถึงความผิดพลาดในการทำงานของอุปกรณ์จากภายนอก เช่น หม้อแปลงไฟฟ้า สายไฟฟ้า ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุสำคัญเช่นเดียวกัน นอกจากเรื่องไฟดับ เครื่องปั่นไฟมีความจำเป็นอะไรอีกบ้าง มาดูกัน

          - เครื่องปั่นไฟมีความจำเป็น กับอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือแม้แต่บ้านเรือนเรา หากมีอุปกรณ์ไอที หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนหลายชิ้น เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะมีความเสี่ยงต่อความเสียหายได้ ถ้าไฟตัด หรือไฟตกบ่อยครั้ง ซึ่งเครื่องปั่นไฟจะช่วยเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าสำรองในกรณีที่ไฟฟ้าดับได้

          - เครื่องปั่นไฟมีความจำเป็น กับพื้นที่ห่างไกล ทุรกันดาน พื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึง หรือพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติ เครื่องปั่นไฟจะช่วยจ่ายไฟฟ้าเข้าไปในพื้นที่เหล่านั้นได้

          - เครื่องปั่นไฟยังจำเป็นใช้ในงานก่อสร้าง งานเกษตรกรรม งานอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กและขนาดกลางมักนิยมใช้ในงานก่อสร้างและงานเกษตรกรรม เพื่อใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องเชื่อมไฟฟ้า เครื่องตัดหญ้า ส่วนเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่มักนิยมใช้ในงานอุตสาหกรรม เพื่อใช้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ

เครื่องปั่นไฟเบนซิน

          เครื่องปั่นไฟชนิดนี้ก็ตรงตามชื่อของมันเลยครับ ใช้เครื่องยนต์เบนซินในการขับเคลื่อน รองรับการใช้งานทั้งน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล หรือเอทานอล เป็นที่นิยมมากที่สุดในบรรดาเครื่องปั่นไฟทั้งหมด เพราะมีขนาดเล็ก เคลื่อนย้ายและติดตั้งสะดวก และราคาที่ ไม่สูงจนเกินไป เหมาะกับการใช้ในงานที่ต้องการพลังงานไฟฟ้าชั่วคราว เช่น งานก่อสร้าง ใช้กับเครื่องเชื่อมไฟฟ้า หรือกิจกรรมกลางแจ้ง อาจจะใช้กับเครื่องเสียงในการจัดงานเลี้ยง หรือที่พักอาศัยที่ต้องการไฟสำรองในยามไฟตกชั่วคราว

ข้อดี
          - ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก
          - น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายไปมาสะดวก
          - ราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับเครื่องปั่นไฟชนิดอื่น
          - ดูแลรักษาง่าย

ข้อเสีย
          - ถ้าไม่ใช้งานเป็นระยะเวลานานจะสตาร์ทติดยาก

 เครื่องปั่นไฟดีเซล

          เป็นเครื่องปั่นไฟที่ให้กำลังไฟฟ้ามากกว่าเครื่องปั่นไฟเบนซิน โดดเด่นในเรื่องความทนทาน เพราะตัวเครื่องทำจากเหล็กมีน้ำหนักมาก และมีอัตราการกินน้ำมันนั้นน้อยกว่าเครื่องยนต์เบนซิน แต่ก็ต้องแลกมามลพิษที่สูงกว่าเครื่องยนต์เบนซิน นิยมติดตั้งในพื้นที่โล่งเพราะว่ามีเสียงค่อนข้างดังอาจรบกวนคนรอบข้างได้ เหมาะกับการใช้งานในสถานที่ที่ต้องมีการใช้ไฟฟ้าต่อเนื่อง เช่น โรงงาน โรงพยาบาล พื้นที่ห่างไกล พื้นที่ทุรกันดารที่ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง

ข้อดี
          - ตัวเครื่องมีความทนทานสูง
          - อะไหล่ในการซ่อมแซมหาง่าย
          - ผลิตไฟฟ้าทดแทนได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีสะดุด

ข้อเสีย
          - ตัวเครื่องขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมาก
          - ดูแลรักษายาก
          - เสียงดัง อาจสร้างความรำคาญ

เครื่องปั่นไฟแบบ inverter

          เครื่องปั่นไฟแบบ inverter เป็นเครื่องปั่นไฟที่ถูกพัฒนามาจากเครื่องปั่นไฟเบนซิน โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีระบบอินเวอร์เตอร์เข้ามาผสมผสาน ทำให้มีเสียงในการทำงานที่เงียบ ประหยัดเชื้อเพลิง เคลื่อนย้ายได้สะดวก มลพิษต่ำ อีกทั้งยังผลิตกระแสไฟที่มีความสม่ำเสมอ แต่ราคาจะสูงกว่าเครื่องปั่นไฟทั่วไป ความเหมาะสมในการใช้งานคล้ายกับเครื่องปั่นไฟเบนซิน นิยมใช้กับงานที่ต้องเคลื่อนที่ กิจกรรมกลางแจ้ง หรือภายในที่พักอาศัย

ข้อดี
          - เคลื่อนย้ายสะดวก
          - ประหยัดเชื้อเพลิง
          - อัตราการก่อมลพิษต่ำ
          - ผลิตไฟฟ้าทดแทนได้อย่างสม่ำเสมอ

ข้อเสีย
 - ราคาสูง