วีธีเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ

การเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟ (Generator) ควรพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ ทั้งในเรื่องของกำลังไฟฟ้า ความคุ้มค่า และความปลอดภัย โดยมีแนวทางดังนี้:


1. ประเมินความต้องการใช้งาน
ใช้ในบ้าน / ร้านค้า / โรงงาน / งานก่อสร้าง / งานภาคสนาม
ประเภทของการใช้งานจะส่งผลต่อกำลังไฟที่ต้องการและประเภทของเครื่อง
อุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานพร้อมกัน
รวมกำลังไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะใช้พร้อมกัน เช่น ตู้เย็น, พัดลม, ไฟส่องสว่าง, ปั๊มน้ำ ฯลฯ
 ใช้หน่วยเป็นวัตต์ (W) หรือกิโลวัตต์ (kW)

2. เลือกกำลังไฟที่เหมาะสม
เพิ่มกำลังไฟ สำรองเผื่อไว้ 20–30% จากที่คำนวณได้ เพื่อรองรับโหลดเริ่มต้นของอุปกรณ์บางชนิด เช่น มอเตอร์ ปั๊มน้ำ
ตัวอย่าง:

ใช้ไฟไม่เกิน 2,000 วัตต์ → ควรเลือกเครื่องปั่นไฟ 2.5 – 3.0 kW
ใช้งานเครื่องมือช่างหนัก ๆ → ควรเลือก 5.0 kW ขึ้นไป

 3. เลือกประเภทเชื้อเพลิง
ประเภท
ข้อดี
ข้อเสีย
เบนซิน
ราคาถูก, เงียบ, เหมาะสำหรับใช้งานเล็ก ๆ
เปลืองเชื้อเพลิง, ไม่ทนเท่าเครื่องดีเซล
ดีเซล
ทนทาน, เหมาะกับงานหนัก
เสียงดัง, ราคาสูงกว่า
แก๊ส (LPG/NGV)
เงียบ, สะอาด
ต้องติดตั้งชุดแก๊ส, ใช้งานกลางแจ้งเท่านั้น

4. ชนิดเครื่องปั่นไฟ
แบบพกพา (Portable): เบา เคลื่อนย้ายง่าย เหมาะกับบ้าน/เดินทาง/แคมป์
แบบตั้งพื้น (Standby/Fixed): ใช้สำรองไฟบ้าน/สำนักงาน ขนาดใหญ่
อินเวอร์เตอร์ (Inverter Generator): ให้กระแสไฟนิ่ง เหมาะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี

 5. ฟังก์ชันเสริมที่ควรมี
ระบบ AVR หรือ Inverter ควบคุมแรงดันไฟให้คงที่
ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อไฟฟ้ากลับมา (ATS – Automatic Transfer Switch)
ระบบเตือนน้ำมันเครื่องหรือดับเครื่องเมื่อระดับต่ำ
ระบบกันเสียง (Soundproof)

 6. งบประมาณและแบรนด์
งบเริ่มต้นสำหรับใช้ในบ้าน: ประมาณ 5,000 – 30,000 บาท
แบรนด์น่าเชื่อถือ เช่น Honda, Yamaha, Tiger, Hyundai, Kipor, Firman, PEA ฯลฯ
ตรวจสอบ การรับประกัน และ บริการหลังการขาย

 7. ความปลอดภัยและการติดตั้ง
ติดตั้งในที่ อากาศถ่ายเทดี เพื่อป้องกันก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์สะสม
ไม่ควรติดตั้งในบ้านหรือในที่ปิด
ใช้สายไฟ/เบรกเกอร์ที่รองรับกำลังไฟอย่างเหมาะสม

หากคุณมีประเภทการใช้งานเฉพาะเจาะจง เช่น “ใช้กับบ้าน 1 ชั้น มีแอร์ 1 ตัว และตู้เย็น” หรือ ต้องใช้ที่ไซต์งานก่อสร้าง ผมสามารถช่วยคำนวณขนาดเครื่องปั่นไฟให้แม่นยำขึ้นได้ครับ